วันที่ 28 ตุลาคม 2552
(ข่าวอุตสาหกรรม Industrial News)
จีนคุมกำเนิด 6 อุตสาหกรรมหลัก
จีนเดินเครื่องคุมกำเนิดการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เกินความต้องการใน 6 อุตสาหกรรมหลัก ตั้งแต่อุตสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ กระจก เคมีภัณฑ์ถ่านหินโพลิซิลิคอน ไปจนถึงอุปกรณ์กังหันลม เป้าหมายเพื่อรักษาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจขยายตัวตามคาดการณ์ 8%
นายซ้ง โบลิง รองผู้อำนวยการ คณะกรรมาธิการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน (เอ็นดีอาร์ซี) เปิดเผยว่า ผลจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน 4 ล้านล้านหยวน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจจีน ทำให้ไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวได้สูงกว่า 7% และมั่นใจว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนตลอดปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้
"อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ 8% ไม่มีปัญหาแน่นอน ซึ่งจากสถิติการค้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ฟื้นตัวดีขึ้นมาก รวมไปถึงยอดขายบ้าน และขายรถ ส่วนยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ค่อนข้างคล่องตัว ซึ่งช่วยชดเชยในส่วนของภาคการส่งออกที่ลดลงไป"
รองผู้อำนวยการเอ็นดีอาร์ซี กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ริเริ่มตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ หนุนให้ความต้องการภายในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมเหล็ก และซีเมนต์เพิ่มขึ้น เนื่องเพราะการลงทุนจากงบประมาณนี้ส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่ภาคการก่อสร้างทางรถไฟ ถนน และโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นข่าวดี แต่ภาคผลิตของจีนในหลายอุตสาหกรรมเกิดปัญหาปริมาณการผลิตเกินความต้องการจำนวนมาก ทั้งในภาคอุตสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ กระจก เคมีภัณฑ์ถ่านหิน โพลิซิลิคอน และอุปกรณ์กังหันลม
"หากไม่แก้ปัญหานี้ก็จะกลายเป็นปัญหาในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมาธิการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน กำลังแก้ปัญหาเรื่องกำลังการผลิตที่เกินความต้องการนี้ เริ่มจาก ระงับการพิจารณาอนุมัติโครงการ หรือระงับการอนุมัติเงินกู้ให้กับโครงการนั้นๆ"
แต่นายเหยา จิงหยวน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าปัญหากำลังการผลิตที่เกินความต้องการนี้ เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนระหว่างปี 2546-2550 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนค่อนข้างสูง บวกกับความต้องการจากต่างประเทศที่กำลังบูม เป็นตัวกระตุ้นให้กำลังการผลิตในจีนขยายตัวอย่างมาก "วิกฤติการเงินโลก ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลงและส่งผลกระทบต่อความต้องการโลก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหากำลังการผลิตในจีนเกินความต้องการ"
ทั้งนี้จากแถลงการณ์ของ เอ็นดีอาร์ซี ไปยังรัฐมนตรี 9 กระทรวงและภาคธนาคาร แจ้งว่า ไม่ให้อนุมัติการปล่อยกู้ให้กับโครงการต่างๆที่ส่งผลด้านลบต่อแนวทางของรัฐบาลที่วางไว้ และให้ระงับการเพิ่มทุนของโครงการเหล่านี้ด้วยหากยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติแผนขยายงานจากรัฐบาลก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนด้วยการออกพันธบัตร การออกตั๋วเงินระยะสั้น ระยะกลาง หรือการเสนอขายหุ้น แถลงการณ์ดังกล่าวนี้ยังกำหนดให้รัฐบาลท้องถิ่นระงับการลงทุนใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังการผลิตเกินความต้องการได้แก่ เหล็ก ซีเมนต์ กระจกแผ่น ถ่านหิน โพลิซิลิคอน และอุปกรณ์พลังงานลม และจับตาดูสัญญาณกำลังการผลิตที่อาจจะเกินความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมมต่อเรือและ อะลูมิเนียมด้วย
ขณะนี้นายเคน เป็ง นักเศรษฐศาสตร์จาก ซิตี้กรุ๊ป ประจำกรุงปักกิ่ง ให้ความเห็นว่า "การติดตามและควบคุมดูแลตามมาตรการที่รัฐกำหนดไว้ในระยะสั้นนี้จะค่อนข้างเข้มงวดเนื่องจากผู้กำหนดนโยบายกังวลกับปัญหาการลงทุนที่มากเกินไป แต่การดำเนินมาตรการนี้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานในแต่ละท้องถิ่นด้วย ซึ่งจะดูแลได้ยาก
ด้านนายหยู บิน นักวิจัยอาวุโสจากสภาแห่งชาติ ในเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนา เน้นว่า จีนคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวช่วงครึ่งปีหลังสูงกว่า 9% "ดูจากบรรยากาศแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกแล้ว การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีหน้าจะเติบโตดีกว่าปีนี้แน่นอน"
ที่มา : จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,472 22 ต.ค.- 24 ต.ค. 2552 (ข่าวอุตสาหกรรม Industrial News)
(ข่าวอุตสาหกรรม Industrial News)
จีนคุมกำเนิด 6 อุตสาหกรรมหลัก
จีนเดินเครื่องคุมกำเนิดการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เกินความต้องการใน 6 อุตสาหกรรมหลัก ตั้งแต่อุตสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ กระจก เคมีภัณฑ์ถ่านหินโพลิซิลิคอน ไปจนถึงอุปกรณ์กังหันลม เป้าหมายเพื่อรักษาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจขยายตัวตามคาดการณ์ 8%
นายซ้ง โบลิง รองผู้อำนวยการ คณะกรรมาธิการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน (เอ็นดีอาร์ซี) เปิดเผยว่า ผลจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน 4 ล้านล้านหยวน เพื่อฟื้นเศรษฐกิจจีน ทำให้ไตรมาสแรกของปีนี้เศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวได้สูงกว่า 7% และมั่นใจว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนตลอดปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้
"อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ 8% ไม่มีปัญหาแน่นอน ซึ่งจากสถิติการค้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ฟื้นตัวดีขึ้นมาก รวมไปถึงยอดขายบ้าน และขายรถ ส่วนยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ค่อนข้างคล่องตัว ซึ่งช่วยชดเชยในส่วนของภาคการส่งออกที่ลดลงไป"
รองผู้อำนวยการเอ็นดีอาร์ซี กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนงบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ริเริ่มตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ หนุนให้ความต้องการภายในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมเหล็ก และซีเมนต์เพิ่มขึ้น เนื่องเพราะการลงทุนจากงบประมาณนี้ส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่ภาคการก่อสร้างทางรถไฟ ถนน และโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นข่าวดี แต่ภาคผลิตของจีนในหลายอุตสาหกรรมเกิดปัญหาปริมาณการผลิตเกินความต้องการจำนวนมาก ทั้งในภาคอุตสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ กระจก เคมีภัณฑ์ถ่านหิน โพลิซิลิคอน และอุปกรณ์กังหันลม
"หากไม่แก้ปัญหานี้ก็จะกลายเป็นปัญหาในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมาธิการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน กำลังแก้ปัญหาเรื่องกำลังการผลิตที่เกินความต้องการนี้ เริ่มจาก ระงับการพิจารณาอนุมัติโครงการ หรือระงับการอนุมัติเงินกู้ให้กับโครงการนั้นๆ"
แต่นายเหยา จิงหยวน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าปัญหากำลังการผลิตที่เกินความต้องการนี้ เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนระหว่างปี 2546-2550 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนค่อนข้างสูง บวกกับความต้องการจากต่างประเทศที่กำลังบูม เป็นตัวกระตุ้นให้กำลังการผลิตในจีนขยายตัวอย่างมาก "วิกฤติการเงินโลก ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลงและส่งผลกระทบต่อความต้องการโลก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหากำลังการผลิตในจีนเกินความต้องการ"
ทั้งนี้จากแถลงการณ์ของ เอ็นดีอาร์ซี ไปยังรัฐมนตรี 9 กระทรวงและภาคธนาคาร แจ้งว่า ไม่ให้อนุมัติการปล่อยกู้ให้กับโครงการต่างๆที่ส่งผลด้านลบต่อแนวทางของรัฐบาลที่วางไว้ และให้ระงับการเพิ่มทุนของโครงการเหล่านี้ด้วยหากยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติแผนขยายงานจากรัฐบาลก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนด้วยการออกพันธบัตร การออกตั๋วเงินระยะสั้น ระยะกลาง หรือการเสนอขายหุ้น แถลงการณ์ดังกล่าวนี้ยังกำหนดให้รัฐบาลท้องถิ่นระงับการลงทุนใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังการผลิตเกินความต้องการได้แก่ เหล็ก ซีเมนต์ กระจกแผ่น ถ่านหิน โพลิซิลิคอน และอุปกรณ์พลังงานลม และจับตาดูสัญญาณกำลังการผลิตที่อาจจะเกินความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมมต่อเรือและ อะลูมิเนียมด้วย
ขณะนี้นายเคน เป็ง นักเศรษฐศาสตร์จาก ซิตี้กรุ๊ป ประจำกรุงปักกิ่ง ให้ความเห็นว่า "การติดตามและควบคุมดูแลตามมาตรการที่รัฐกำหนดไว้ในระยะสั้นนี้จะค่อนข้างเข้มงวดเนื่องจากผู้กำหนดนโยบายกังวลกับปัญหาการลงทุนที่มากเกินไป แต่การดำเนินมาตรการนี้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานในแต่ละท้องถิ่นด้วย ซึ่งจะดูแลได้ยาก
ด้านนายหยู บิน นักวิจัยอาวุโสจากสภาแห่งชาติ ในเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนา เน้นว่า จีนคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวช่วงครึ่งปีหลังสูงกว่า 9% "ดูจากบรรยากาศแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกแล้ว การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีหน้าจะเติบโตดีกว่าปีนี้แน่นอน"
ที่มา : จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,472 22 ต.ค.- 24 ต.ค. 2552 (ข่าวอุตสาหกรรม Industrial News)
